Genedemon

 #โง่ศาสตร์ นี่คือหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับความโง่ได้สนุกมาก หนังสือเล่มเล็กๆ บางๆ เนื้อหามีประมาณไม่ถึงร้อยหน้า  แล้วถ้ายิ่งนำมันมาจัดเรียงหน้าใหม่ดีๆ พิมพ์ในขนาด A4 อาจใช้กระดาษ แค่ 30 หน้า ก็คงเพียงพอที่จะบรรจุเนื้อหาสาระของหนังสือทั้งเล่ม โง่ศาสตร์ พูดถึง กฎพื้นฐานว่าด้วยความโง่เขลา 5 ข้อ กล่าวโดยสรุปในภาษาของผม ได้แก่  📌ข้อ 1 คนโง่มีจำนวนมากกว่าที่เราคิดในสังคมเสมอ 📌ข้อ 2 ความเป็นคนโง่ไม่ได้ขึ้นกับบุคลิกลักษณะ 📌ข้อ 3 คนโง่คือคนที่สร้างความเสียหายให้กับบุคคลอื่น หรือกลุ่มอื่น หรือแม้แต่ตัวเอง โดยที่เขาไม่ได้ประโยชน์อะไร 📌ข้อ 4 คนไม่โง่มักประเมินอำนาจการทำลายล้างของคนโง่ต่ำเกินไป 📌ข้อ 5 คนโง่เป็นประเภทที่อันตรายที่สุด ซึ่งในรายละเอียดยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจให้คิด วิเคราะห์ แยกแยะ มากกว่านี้ เหมาะกับการอ่านเพลินๆ ได้ดีจริงๆ  ตอนแรกที่หยิบมาอ่าน ผมยังคิดว่าเป็นหนังสืออ่านง่ายๆล้อเลียนสังคมทั่วไปที่ ไม่ได้อะไรให้คิดต่อมากนัก แต่พออ่านจบจริงๆ กลับพบว่า นี่เป็นหนังสือเปิดความคิดที่ดีเล่มหนึ่งเลย  ดีจนผมคิดว่า ทุกคนควรจะได้อ่าน เพื่อจะได้มีมุมมองเกี่ยวกับความโง่...

 #แค่ยิงประตูให้ได้สักลูก ผมชอบเรื่องราวที่ เดฟ ทรอตต์ เล่ามาก  มันเป็นเรื่องราวนัดชิงแชมป์ยุโรป ในปี 2005 ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เอซี มิลาน นัดนั้นเป็นนัดที่ผมได้ดูถ่ายทอดสด กับตาด้วย เอซี มิลาน เล่นได้อย่างดี และยิงนำไปก่อน 3-0 ในช่วงพักครึ่ง จนคิดว่า ยังไงก็ได้แชมป์แน่  แต่แล้วสิ่งมหัศจรรย์ ก็เกิดขึ้น เมื่อครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล กลับมาได้ ตีเสมอ 3 ลูก ต้องต่อเวลา และตัดสินกันด้วยจุดโทษ และเป็นลิเวอร์พูล ที่คว้าแชมป์ได้สำเร็จ เรื่องราวระหว่างพักครึ่งมีตำนานมากมาย แต่สิ่งที่ เดฟ ทรอตต์ เล่าให้ฟัง น่าสนใจ เขาบอกว่า ในสถานการณ์ที่ ลิเวอร์พูล ถูกนำ 3-0 นักเตะทุกคนแทบหมดแรง หมดกำลังใจเล่น แต่ราฟา เบนิเตซ ผู้จัดการทีมในสมัยนั้น บอกพวกเขาว่า  “ไม่ต้องคิดอะไรมาก ครึ่งหลังก็ลงไปยิงประตูให้ได้สักลูกก็พอ” แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขายิงได้ 1 ลูก จากนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป เอซี มิลาน ดูสติแตก เล่นกันอย่างผิดพลาด และลิเวอร์พูลยิงได้ 3 ลูกรวด สิ่งที่เดฟ ทรอตต์ บอกก็คือ บางครั้งอย่าคิดมาก ในสถานการณ์บางอย่าง ไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์สุดท้าย แต่ลงมือทำอะไรสักอย่างก็พอ แล้วดูว...

 เพื่อนๆ ที่ต้องการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น -ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น- ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม อาจมีปัญหา เวลาไม่เคยพอ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ใช่คนโสด แต่งงาน มีครอบครัวแล้วมีลูกด้วยนะ 📌เวลาคือสิ่งที่มีค่าอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวเดี่ยว หรือไม่มีคนช่วยเลี้ยงลูกเล็กๆ ด้วย การหาเวลาอ่านหนังสือ หาความรู้เพิ่มเติม พัฒนาความรู้ความสามารถยิ่งกลายเป็นเรื่องยาก  📌เวลาที่หมดไปกับการให้ความรักความอบอุ่นกับลูก นับเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ดังนั้น บางทีการหาเวลา แค่วันละ 30 นาทีก่อนนอน มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงอาจจะเป็นทางออกที่ดีมากๆ เลย การอ่านหนังสือ “แค่ 30 นาที ก่อนนอน เปลี่ยนคนยอดแย่ เป็นคนยอดเยี่ยม” อาจให้แนวทางที่ดีในการใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้นได้ครับ หนังสือเล่มเล็กๆ ความหนา ร้อยกว่าหน้า อาจจะช่วยให้การพัฒนาตัวเองของเพื่อนๆ ดีขึ้น  #อ่าน

 หลายๆคนที่อายุเริ่มเยอะแต่ยังไม่มีความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนเริ่มท้อ ท่ามกลางโลกยุคใหม่ที่ใครไก็ประสบความสำเร็จ -ร่ำรวย- -มีชื่อเสียง- -มีอิสรภาพทางการเงิน- -ฯลฯ- ตั้งแต่อายุน้อยๆ ยิ่งสุมไฟความท้อแท้ให้เกิดขึ้นในใจ เล่มนี้เถอะครับ 📌Late Bloomers : สำเร็จได้ไม่ต้องรีบ หนังสือที่จะยืนอยู่ข้างคุณ เป็นกำลังใจให้คุณ และบอกคุณให้รู้ว่า คุณมีสิทธิ์ที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ และไม่ว่าคุณจะล้มเหลวมากี่ครั้งก็ตาม  พร้อมทั้งยังชี้ให้เห็นข้อเสียของการประสบความสำเร็จเร็วที่บางครั้งมันอาจจะนำไปสู่หายนะของชีวิตด้วย หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นด้วยข้อมูล หลักการ งานวิจัยทางสังคมศาสตร์บางส่วน และอ้างอิงหนังสือเล่มอื่นๆ พร้อมทั้งยกตัวอย่างบุคคลที่น่าสนใจหลายคน ที่จัดอยู่ในกลุ่ม “คนที่สำเร็จช้า” มันจึงเป็นหนังสือที่พอดีๆ ไม่ได้มีความเป็นวิชาการหนักแน่นจนอ่านยาก แต่ก็ไม่ได้เบาหวิว มีน้ำเยอะๆ ควานหาเนื้อไม่เจอ  📚ลองอ่านดูนะครับ สำหรับคุณที่ อายุ 35+ แบบผม ที่ยังไม่มีความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หนังสือเล่มนี้ให้ไอเดีย และมุมมองที่ดีมากๆ เลย

 EP1 : ความฝัน ผมอายุ 36 แล้ว จัดว่าไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว แต่อยู่ๆ ก็อยากลุกขึ้นมาทำบล็อก สิ่งที่รู้จักมาตั้งแต่ 10 ปีก่อน และควรจะทำมาตั้งนานแล้ว จนเดี๋ยวนี้ไม่มีใครเขาทำแล้วมั้ง โลกออนไลน์ มีเครื่องมือมากมายให้ใช้ ที่ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพกว่า บล็อก  แต่การเริ่มต้นช้าของผม มันอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ปมควรจะทำ เพื่อปลุกพลังความฝัน ความมีชีวิตชีวาของตัวเอง ผมอายุ 36 แล้ว เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคน ต่างมีหน้าที่การงานที่ดี ประสบความสำเร็จ มีฐานะมั่นคง และมีชีวิตดีๆ ที่น่าอิจฉา แต่ผมยังคงล้มลุกคลุกคลานอยู่ จากการเปลี่ยนงานหลายครั้ง และไปไม่เคยสุดสักทาง ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่มีทีท่าว่า จะประสบผลสำเร็จ หรือไปให้ถึงความฝันสักที ผมอายุ 36 แล้ว ดังนั้น ถ้าไม่เริ่มทำอะไรสักอย่างตอนนี้ ความฝันที่มีก็คงเป็นเพียงความเพ้อฝัน ไม่มีวันเป็นจริงแน่ๆ ดังนั้น ยังไงซะ วันนี้ผมก็ต้องลองดูสักหน่อย ว่ามันจะทำได้มั้ย กับการเริ่มต้นทันทีในคืนนี้ ตอนนี้ กับเส้นทางใหม่ในชีวิต ด้วยเทคโนโลยีตกยุคที่ล้าสมัย ไม่รู้จะมีคนอ่านหรือเปล่า? แต่สิ่งนั้นมันไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือการได้ทำตามความฝันของ...